หน้าแรก
รู้จักเรา
บทความ
ติดต่อเรา

สภาวะตลาดหุ้นไทย ประจำเดือนมิถุนายน2561 : “Bye or Buy”

03 กรกฎาคม 2561, 19.38น   202 views

Key Takeaways :

ตลาดหุ้นไทยในเชิงพื้นฐานถูกลงมาก ค่าPE Ratioของตลาดอยู่ที่ 14 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่15.3เท่า แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุน
SET index ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วถึง 7.6% ในเดือนมิถุนายน 2561

ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายน 2561 SET index ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วถึง 7.6% โดยมีปัจจัยหลักมาจากความกังวลปัจจัยหลัก คือ เรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ส่งผลให้ค่าเงินของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่(ierging Market)อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนย้ายเงินลงทุนกลับไปยังสหรัฐฯ มากขึ้น ส่งผลให้มีการขายหุ้นในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศiอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่องธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED)อาจจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มอีก 1 ครั้งในปีนี้ และ ประเด็นเรื่องEUจะทำการปรับลดวงเงินQE ซึ่งในสองประเด็นหลังนี้ตลาดได้มีการรับรู้ไปบ้างแล้ว

Trade War

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ VS ประเทศจีน

สำหรับประเด็นเรื่อง “Trade War” หรือสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะกับประเทศจีนที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าจำนวนมากถึง 350 พันล้านเหรียญสหรัฐ

  • ทำให้สหรัฐฯ มีการตั้งประกาศตั้งกำแพงภาษี 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนประเภทเครื่องจักร อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเกี่ยวกับยานพาหนะ มูลค่า 34 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีผลในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้
  • จีนได้ทำการตอบโต้โดยการตั้งกำแพงภาษี 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ประเภทสินค้าเกษตรและอาหาร และรถยนต์ มูลค่า 34 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีผลวันที่ 6 กรกฎาคมเช่นกัน
  • ส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลว่าสงครามการค้าจะยืดเยื้อและกระทบต่อภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

เงินทุนไหลออก

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 180,077 ล้านบาท นับตั้งแต่ต้นปี

นักลงทุนต่างชาติมีการทยอยลดการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการขายสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2561 ถึง 180,077 ล้านบาท ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลงประมาณ 9% ในขณะที่ประเทศไทยมีดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลมาอย่างต่อเนื่องและในปริมาณที่สูง ซึ่งสามารถรองรับเงินลงทุนสุทธิที่ไหลออกได้ และทำให้ค่าเงินบาทมีความผันผวนน้อยกว่าค่าเงินสกุลอื่นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่(ierging Market)

ความเห็น

ปัญหาสงครามการค้าฯ น่าจะจบลงด้วยการเจรจาต่อรองกัน

ถึงแม้ว่าประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจไม่ได้จบได้ในเร็ว ๆ นี้ แต่เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้าไม่เป็นผลดีต่อทุกประเทศรวมทั้งสหรัฐฯ เอง ทำให้คาดว่าปัญหาสงครามการค้าดังกล่าวจะจบลงด้วยการเจรจาต่อรองกันมากกว่า ทั้งนี้ สิ่งที่สหรัฐฯ และจีนประกาศกำแพงภาษีออกมาแล้วนั้น หากมีการบังคับใช้จริงก็คาดว่าจะกระทบต่อการเติบโตของ GDP ของจีนไม่เกิน 0.5% เท่านั้น ในทางกลับกัน หากปัญหาดังกล่าวมีการเจรจาตกลงกันได้จะกลับมาเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น

ภาพรวมเศรษฐกิจโลกรวมถึงสหรัฐฯ ในปีนี้ยังมีทิศทางเติบโตที่ดีแต่อาจจะชะลอตัวลงบ้างเล็กน้อยในปีหน้า ส่วนเศรษฐกิจไทยผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวแทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนั้นทิศทางการเมืองที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า ยังส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในภาพรวม

แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุน โดยเน้นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่

ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงนี้ ทำให้ Valuationของตลาดหุ้นลดลงมาก ค่าPE Ratioของตลาดอยู่ที่ 14 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่15.3เท่า นอกจากนี้หากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังสามารถเติบโตได้ในระดับ 8-10% ต่อปี Valuationของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันก็สามารถรองรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย0.50% ในปี 2562ได้ อย่างไรก็ตามคาดว่าความผันผวนของตลาดหุ้นยังมีโอกาสเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง

จึงแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นภายในประเทศ โดยเน้นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่

หมวดหมู่ : Monthly Report

บทความแนะนำ

04 กุมภาพันธ์ 2563
1,196

แอดไลน์มาคุยกับเราได้นะ^^

 
แอดไลน์มาคุยกับเราได้ที่

Line : @allfinn