ไทย
Eng
หน้าแรก
รู้จักเรา
บทความ
ติดต่อเรา

language Language:

กลยุทธ์การลงทุนตลาดหุ้นไทย ประจำเดือนมีนาคม2563 : Pandemic Panic

08 มีนาคม 2563, 17.50น   376 views

Key Takeaways :

ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในเดือนกุมภาพันธ์ จากการแพร่ระบาดของCOVID ซึ่งเราคาดว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและยืดเยื้อ แนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ธุรกิจที่อ่อนแอจะอยู่ไม่รอด
Set Indexปรับตัวลดลง -11.5%ในเดือนกุมภาพันธ์

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ดัชนี SET Indexปรับตัวลงจากระดับ 1,514.14จุด มาปิดที่ระดับ1,340.52 จุด คิดเป็นการปรับตัวลง -11.5% โดยSET Indexปรับตัวลดลงตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์จากปัจจัยกดดันทั่วโลก คือ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรล่าสายพันธุ์2019(COVID-19) ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนติดลบน้อยที่สุด ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -3.3% กลุ่ม ICT -4.5% และกลุ่มยานยนต์ -6.2% ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ปรับตัวลงมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ -18.3% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ -15.0% และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง -13.7% โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายหุ้นไทยสุทธิ 19,649 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 3,921 ล้านบาท

COVID-19

COVID-19ระบาดระลอกสอง ป่วนตลาดทุนทั่วโลก

ปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธ์2019 หรือ Coronavirus Disease starting in 2019(COVID-19) สร้างความปั่นป่วนให้แก่ตลาดทุนทั่วโลกในระลอกที่สอง หลังจากที่เริ่มมีการแพร่ระบาดออกไปยังภูมิภาคอื่นทั่วโลก

โดยดัชนีDow Jones ปรับตัวลง 9.1% ขณะที่ดัชนีMSCI Euro ปรับตัวลง 8.7% สำหรับประเทศไทยเอง SET Index ปรับตัวลง 11.5%

เมืองจีนเอาอยู่

จีนมีผู้ติดเชื้อCOVID-19รายใหม่ ลดลงต่อเนื่อง

สำหรับเมืองอู่ฮั่น(Wuhan) ซึ่งเป็นเมืองแรกที่เกิดการระบาดของไวรัสCOVID-19 เริ่มมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุดจากCNN รายงาน ณ.วันที่8มีนาคม พบว่า

  • จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาไม่หาย ในประเทศจีนมีจำนวนทั้งสิ้น 20,289 ราย
  • จำนวนผู้ติดเชื้อที่รักษาหายแล้ว ในประเทศจีนมีจำนวนทั้งสิ้น 57,315 ราย

ซึ่งเป็นผลจากมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาลจีน เช่น การปิดเมืองห้ามประชาชนชาวอู่ฮั่นเดินทางออกจากเมือง รวมถึงการหยุดให้บริการขนส่งสาธารณะ และการให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน(Work From Home) ส่งผลแนวโน้มการแพร่ระบาดลดลงอย่างต่อเนื่อง

ระบาดระลอกสองทั่วโลก

ทั่วโลกยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อCOVID-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่สถานการณ์นอกประเทศจีนกลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม โดยเริ่มจากผู้โดยสารของเรือสำราญDiamond Princessที่จอดเทียบท่าที่"ญี่ปุ่น "ซึ่งมาตรการการกักตัวที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผู้โดยสารในเรือมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันประเทศ"เกาหลีใต้"ก็เกิด การที่ "มนุษย์ป้า"ท่านหนึ่ง มีอาการเจ็บป่วย แต่ยังไปเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา และเดินทางตามปกติด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้อให้แก่คนจำนวนมาก(Super Speaders) ซึ่งส่งผลให้ ณ.ปัจจุบัน เกาหลีใต้มีจำนวนผู้ติดเชื้อCOVID-19สูงที่สุดเป็นลำดับสองของโลก

ขณะที่ในภูมิภาคอื่นก็เริ่มมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น

  • "อิหร่าน" ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการแพร่ระบาดในตะวันออกกลาง
  • "อิตาลี" ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดในยุโรป
  • "สหรัฐ" ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดในอเมริกาเหนือ

ความเห็น

ผลกระทบจากCorona Virus เป็นผลกระทบระยะสั้นเพียงครั้งเดียว
จึงเป็นโอกาสการเข้าลงทุนระยะยาว

จากกลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนกุมภาพันธ์ เราคาดการณ์ว่าผลกระทบจากไวรัสCOVID-19 จะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น ซึ่งเรายังคงมุมมองเดิมจากเมื่อเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อการระบาดเริ่มกระจายวงกว้างไปสู่ระดับโลก จังหวะการเลือกเข้าลงทุนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากกระแสความตื่นตระหนกของนักลงทุนทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดหุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว จะมีความผันผวนอย่างรุนแรงมากขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นผลกระทบเพียงแค่ครั้งเดียว(One-time Event) หากสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เร็ว Allfinnเชื่อว่าจะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว

สหรัฐ-ตาลีบันสงบศึก เหรียญอีกด้านของCOVID-19

แน่นอนว่าเหตุการณ์การระบาดของCOVID-19 ไม่ได้มีเพียงผลกระทบด้านลบเพียงอย่างเดียว แต่ยังคงซ่อนผลด้านบวกเอาไว้ โดยในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ได้มีการเจรจาสงบศึกระหว่างสหรัฐกับกลุ่มตาลีบัน โดยข้อตกลงในเบื้องต้นคือ สหรัฐจะถอนกำลังออกจากประเทศทั้งหมดภายใน 14 เดือน (ในขั้นแรกจะลดเหลือ 8,600 นายจากจำนวน 13,000 นาย) ตอลิบันต้องไม่ปล่อยให้อัลกออิดะห์หรือกลุ่มอื่นๆ ใช้ประเทศเป็นฐานปฏิบัติการ

FEDลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน
แบงค์ช่วยเหลือลูกหนี้สุดความสามารถ

ในวันอังคารที่3มีนาคม ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed)ได้แถลงการณ์ฉุกเฉินประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงร้อยละ 0.50 ต่อปีมาอยู่ที่ระดับ1.0-1.25%เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากไวรัสCOVID-19

ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(BOT)ได้มีการออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้หลากหลายประเภท ทั้งการชะลอการชำระหนี้ การขยายเวลาการชำระหนี้ ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกหนี้บุคคลธรรมดา ธุรกิจSME รวมไปถึงบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อช่วยเหลือให้ภาคธุรกิจมีสภาพคล่องเพียงพอในการประกอบธุรกิจ

แนะนำเลือกลงทุนในบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
ธุรกิจที่อ่อนแอจะอยู่ไม่รอด

สำหรับการเลือกลงทุน กรณีที่นักลงทุนมีหุ้นขนาดเล็ก หรือลงทุนในกองทุนหุ้นขนาดเล็ก แนะนำให้ตรวจสอบสถานะกระแสเงินสดของบริษัทที่ลงทุนอย่างใกล้ชิด เพราะสถานการณ์ปัจจุบันจะส่งผลให้ธุรกิจที่มีกระแสเงินสดอ่อนแอไม่สามารถอยู่รอดได้ ซึ่งในปัจจุบันเริ่มเห็นบางบริษัทมีการปิดกิจการชั่วคราวแล้ว

โดยเราแนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ไม่แน่นอนหากสถานการณ์มีการยืดยื้อยาวนานกว่าที่คิด นอกจากนั้นหากสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อไหร่ หุ้นขนาดใหญ่ที่มีกระแสเงินสดอยู่ในมือ จะได้เปรียบในการกลับมาช่วงชิงกำลังซื้อ

ในแง่กลยุทธ์การลงทุน ทางAllfinnแนะนำให้ให้นักลงทุนติดตามข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสCOVID-19อย่างใกล้ชิด โดยทางเราจะมีการอัพเดตข้อมูลให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้ในการจับจังหวะเข้าลงทุน พร้อมทั้งปรับพอร์ตเข้าสู่กลุ่มหุ้นที่จะมีความได้เปรียบเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้น

หมวดหมู่ : Monthly Report

บทความแนะนำ

แอดไลน์มาคุยกับเราได้นะ^^

 
แอดไลน์มาคุยกับเราได้ที่

Line : @allfinn